หมากแดง เป็นปาล์มพื้นเมืองในป่าพรุของจังหวัดนราธิวาส มีสีสันสดใส งดงามสดุดตาผู้พบเห็น เหมาะสำหรับประดับในอาคาร ในร่ม หรือกลางแจ้ง จึงเป็นที่ต้องการของตลาดพันธุ์ไม้ประดับในประเทศ และยังเป็นที่นิยมในเขตร้อนอื่นๆด้วย แต่เป็นพันธุ์ไม้ที่ค่อนข้างหายากและโตช้า จึงทำให้ราคาสูง คนจังหวัดนราธิวาสเรียกหมากแดงว่า “หมากกาบแดง” เพราะกาบใบและก้านใบเป็นสีแดง มีชื่อสามัญว่า “sealing wax palm ” ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “cyrtostachys renda ” หรือชื่อพ้องว่า ” c. lakka ”
ต้นหมากแดงขนาดใหญ่ อาจสูงถึง 20 เมตร
ต้นหมากแดงที่ปลูกอยู่ในวงบ่อ
หมากแดงมีใบแบบขนนก ใบย่อยเรียงเป็นคู่อยู่บนก้านใบ 20-40 คู่ ยาว 30-50 ซม. ก้านใบยาว 1-1.5 เมตร กาบใบยาว 40-50 ซม.
ใบหมากแดง
ลำต้นมีสีเขียวคล้ำสูงถึง 20 เมตร ใหญ่ 1.5-6 นิ้ว แตกกอเป็นพุ่ม ไม่แยกเป็นต้นตัวผู้ตัวเมีย ออกดอกเป็นช่อแผ่กระจายที่เรียกว่า ” ทะลาย ” ในหนึ่งทะลายมีเมล็ดได้สูงสุดถึง 20,000 เมล็ด แต่ปกติมี 3,000-8,000 เมล็ด
ช่อดอกที่พึ่งออก
ช่อดอกที่ดอกบานแล้ว
เมล็ดหมากแดงที่ยังเล็กอยู่จะเป็นสีเขียว
เมล็ดหมากแดงที่ใหญ่ขึ้นมา
เมล็ดหมากแดงเมื่อแก่เต็มทีจะมีสีม่วงดำ ถึงดำ่
การขยายพันธ ุ์สามารถทำได้ทั้งการแยกหน่อ และการเพาะเมล็ด การแยกหน่อทำได้คราวละจำนวนน้อยตามขีดจำกัดของหน่อที่มีอยู่ ใช้เวลานาน เปอร์เซ็นต์รอดต่ำ และทรงต้นไม่เป็นที่พอใจผู้พบเห็น การเพาะเมล็ดโดยใช้เมล็ดที่แก่จัดมีสีดำเพาะในวัสดุเพาะที่ประกอบด้วยทราย อย่างเดียว หรือทรายผสมขุ่ยมะพร้าวที่ร่อนเอาเส้นใยออกแล้ว ระหว่างการเพาะไม่ควรให้วัสดุเพาะแห้ง(ต้องรดน้ำสม่ำเสมอ) หากเพาะในตู้อบชื้นได้เป็นดีที่สุด โดยให้แสงรำไร(10-20%) เมล็ดจะงอกภายใน 2-4 เดือน ต้นกล้าที่มีใบ 1ใบ เหมาะสำหรับการย้ายปลูกในถุงเพาะชำและยังเหมาะกับการขนย้ายทางไกลเช่น การส่งทางพัศดุไปรษณีย์ เพราะเมล็ดยังมีอาหารสะสมอยู่ ไม่เสียหายแต่ประการใด
เมล็ดหมากแดงเพาะในแปลงทราย
เมล็ดหมากแดงเริ่มงอกภายใน 2-4 เดือน
กล้าหมากแดงขนาด 2-4 ซม. อายุประมาณ 3-5 เดือน
กล้าหมากแดงอายุ ประมาณ 6-7 เดือน
เมล็ดหมากแดงเพาะในตู้อบชื้น
การปลูก เนื่องจากหมากแดงโตช้ามากใน ช่วงแรก ( 3ปีได้ความสูงประมาณ 30 ซม. 5ปีได้ 1 เมตร ) ในการเพาะชำกล้าจึงแนะนำให้ใช้ภาชนะปลูกขนาดเล็กก่อน (แต่อย่าเล็กเกินไป เพราะจะอุ้มน้ำไม่พอ กล้าจะโตช้า ) แนะนำให้ใช้ถุงดำขนาด 4″x6″ (หรือถุงพับข้าง 2″x6″)ก่อน หลังจากเลี้ยงไปได้ 12-18 เดือน จะได้ต้นหมากแดงสูง 10-15 ซม. แล้วจึงค่อยเปลี่ยนภาชนะปลูกให้ใหญ่ขึ้น โดยเปลี่ยนมาใช้ถุงดำขนาด 8″x10″แทน(หรือถุงพับข้าง 4″x10″)
หมากแดงต้นเล็กปลูกเลี้ยงในถุงดำขนาดเล็ก(ถุงพับข้าง 2″X6″)
การดูแลรักษา หมากแดงเป็นพืชที่คลายน้ำมาก จึงต้องการน้ำมากในขณะยังเล็กอยู่ จำนวนรากยังมีน้อยอยู่มักจะดูดน้ำไปเลี้ยงยอดหรือใบไม่ทัน ทำให้ต้นหมากแดงตายเป็นจำนวนมากในช่วงเวลานี้ ดังนั้นจึงควรให้แสงแต่เพียงเล็กน้อย (แสงรำไร) เพื่อลดการคายน้ำ โดยให้แสงประมาณ 10-20 %(ใช้สแลนหรือพลาสติกกรองแสงสีดำ 80-85 % (no.1210)คลุมโรงเรือน หรือจะใช้สแลนหรือพลาสติกกรองแสงสีดำ 60%(no.810) 2ชั้นก็ได้ ใช้เวลาในช่วงนี้ประมาณ 12-18 เดือน แล้วจึงเพิ่มแสงมากขึ้นได้โดยเลี้ยงที่แสง 40-50% (ใช้สแลนหรือพลาสติกกรองแสงสีดำ 60%(no.810)เพียงชั้นเดียว)
น้ำ น้ำเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเลี้ยงหมากแดง จะต้องรดน้ำทุกวันโดยไม่รอให้ดินแห้งก่อน หากดินปลูกแห้งอาจทำให้ต้นหมากแดงขาดน้ำตายได้ ในช่วงที่ทำการย้ายกล้าใหม่ควรรดน้ำวันละ 2-3 ครั้ง จนกว่ากล้าหมากแดงตั้งตัวได้ดีแล้ว จึงค่อยลดการรดน้ำเหลือวันละครั้ง
รดน้ำด้วยสายยางประหยัดน้ำแต่ใช้แรงงานมาก
รดน้ำด้วยสปริงเกอร์ใช้น้ำมากแต่ประหยัดแรงงาน
ปุ๋ย การใช้ปุ๋ยกับหมากแดงขนาดเล็ก อยู่ในภาชนะขนาดเล็ก ไม่ควรที่จะให้ปุ๋ยเม็ด(ปุ๋ยเคมี) แนะนำให้ใช้ปุ๋ยคอกเก่าๆที่แห้งดีแล้วหรือปุ๋ยหมัก ผสมลงไปในดินปลูกเลยในช่วงการเตรียมดิน โดยใช้ไม่เกิน 10% หลังจากปลูกกล้าหมากแดงแล้ว ให้ใช้ปุ๋ยเกล็ด สูตร 30-20-10 หรือ 20-20-20 ละลายน้ำขนาดความเข้มข้น 60-100 กรัม(4-6 ช้อนโต๊ะ) ต่อน้ำ 20 ลิตร รดให้ทุก 7-10 วัน จะทำให้ต้นหมากแดงเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
กองปุ๋ยคอก(มูลไก่แห้งป่น) ในถัง200ลิตรเป็นถังปุ๋ยปลากับถังอีเอ็ม
โรค โรคที่พบบ่อยสำหรับต้นกล้าหมากแดง หรือหมากแดงที่มีขนาดเล็กอยู่ คือโรคใบจุด ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด โดยเกิดเป็นจุดสีน้ำตาลบริเวณใบและกาบใบ จุดนี้จะขยายใหญ่ขึ้นจนอาจทำให้ต้นตายได้ หากตรวจพบให้ฉีดพ่นด้วยยาป้องกันเชื้อราทุก 5-7 วัน ในระยะเกิดโรค หรือใช้จะใช้หัวเชื่ออีเอ็มผสมน้ำฉีดพ่นแทนก็ได้
แมลง แมลงศัตรูที่พบบ่อย มีพวกหนอนผีเสื้อ ด้วง ปลวก และตักแตน หากตรวจพบมีการระบาด ควรฉีดพ่นด้วยยาฆ่าแมลงบ้างเพื่อลดการทำลายของศัตรูพวกนี้ให้น้อยลง
เมล็ดหมากแดง4โล
สันติ จิตวิโส
45 ม.6 ต.หนองไม้ซุง
อ.อุทัย
จ.พระนครศรีอยุธยา
13210
โทร 086 0268 265
ขอบคุณคุณกิตติด้วยค่ะ
ตอบคุณโกวิทย์ ท่านเข้าใจถูกต้องแล้วครับ แนะนำหย่าให้ทรายแห้งด้วยนะครับ ควรรดน้ำบ่อยๆ หรือเพาะในตู้อบ ใว้ในที่รำไร
ขอบคุณครับ
การเพาะกับทรายนั้นเมล็ดเพาะควรอยู่ลักษณะไหนกันครับ ต้องกลบนิดหน่อยเปล่าครับ
ตอบคุณแดนเชียงราย การนนำตันไม้ไปใว้ในห้องที่มีอุณภูมิที่เย็นหรือห้องแอร์ จะทำให้ปลายใบแห้งครับ เพราะว่าในห้องแอร์อากาศจะแห้ง ทำให้ต้นไม้ในห้องคายน้ำมาก ต้นไม้ดูดน้ำไปเลี้ยงใบไม่ทัน จึงทำให้ปลายใบไหม้ แนวทางการนำต้นไม้ไปใว้ในห้องแอร์ ที่เมืองนอกเค๊าใช้แว๊กฉีดพ่นคลือบต้นไม้ โดยเน้นที่ใต้ใบเพราะปากใบที่ใช้คายน้ำอยู่ใต้ใบ ลดการคายน้ำของต้นไม้ ทำให้ต้นไม้อยู่ในห้องแอร์ได้
ขอบคุณครับ
เวลาเรานำต้นหมากแดงออกจากห้องที่มีอุณภูมิที่เย็นเราควรนำไปไว้ที่มีแดดหรือแดดรำไรหล่ะคับ ช่วยตอบผมด้วยคับ
อยากทราบว่าเวลาเรานำต้นหมากแดงไปปว้ในห้องที่มีอุณภูมิที่เย็นทำไมปลายใบต้นหมากแดงมันถึงแห้งคับ